18 พฤศจิกายน, 2553

เพราะใช้ฟันเคี้ยวเนื้อ




อัลลอฮุอักบัร อัลลอฮุอักบัร อัลลอฮุอักบัร


ลาอีลาฮาอิลลัลอฮฺ วัลลอฮฺ วะอักบัร อัลลอฮุอักบัร วาลิลลาฮิลฮัมดฺ


อีดอัฎฮามูบารอก ตะก๊อบบาลัลลอฮุมินนาวามินกูม


ขอให้อัลลอฮฺตอบรับการงานของท่านผู้อ่านทุกคนค่ะ อามีน



อย่างที่ทราบกันดีว่า อีดอัฎฮาเป็นอีดของการกรุบ่าน เมื่อพูดถึงกรุบ่านก็คงจะพูดเรื่องอื่นไปไม่ได้ นอกจากการได้ลิ้มรสของเนื้อแสนอร่อยนั่นเอง เชื่อเหลือเกินว่าตอนนี้ในตู้เย็นเกือบทุกบ้านจะต้องมีเนื้อเก็บไว้..วัลลอฮุอะอฺลัม ก็ขอให้ทุกท่านเคี้ยวเนื้อด้วยความยำเกรงและสนุกสนานกันถ้วนหน้าน่ะค่ะ


พูดถึงการเคี้ยวเนื้อ ก็ขอชวนเข้าเรื่องเลยดีกว่า วันนี้ขอดึงอีเมลจากอินบ๊อกส์ซักหนึ่งฉบับ กล่าวถึงการใช้ไม้มิสวาก มาชาอัลลอฮฺ...ช่างเข้ากับอีดอัฎฮาเหลือเกิน ยังไงนะหรือ อื้ม อันว่ามนุษย์เรานั้นใช้ฟันในการเคี้ยวเนื้อ และไม้มิสวากก็คือไม้ที่ใช้ทำความสะอาดฟัน และความสะอาดก็เป็นส่วนหนึ่งของการศรัทธา เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว จะมีอะไรให้ได้สับสนอีกหรือ อย่าเสียเวลาไปเลยค่ะ เข้าสู่เนื้อหากันเลยดีกว่า...บิสมิลลาฮฺ



วามดีงามอันดับที่ 7 การใช้มิสวาก



ท่านหญิงอาอิชะฮฺ รอฏิยัลลอฮุ อันฮา รายงานว่า ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า มิสวาก (ไม้ขัดฟัน) ใช้ทำความสะอาดและชำระล้างปากให้บริสุทธิ์และสร้างความพึงพอพระทัยต่อพระผู้อภิบาล (อัลนะซาอียฺ และอิบนุ คุซัยมะฮฺ)


ท่านอุมัรฺ รอฏิยัลลอฮุ อันฮุ รายงานว่า ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า จงหมั่นใช้มิสวากเป็นประจำ เพราะแท้จริงแล้ว มันทำให้สุขภาพปากนั้นแข็งแรงและเป็นที่พึงพอพระทัยยิ่งสำหรับพระผู้ทรงสร้าง (คือ อัลลอฮฺ ทรงพึงพอพระทัยต่อมุสลิมที่ใช้มิสวากในการทำความสะอาดฟัน) (บุคอรียฺ)


ท่านอนัส รอฎิยัลลอฮุ อันฮุ รายงานว่า ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า ฉันขอเน้นย้ำต่อพวกท่านให้ใช้มิสวาก (บุคอรียฺ)


วิธีการใช้มิสวาก


1. ขูดตรงปลายมิสวากออกประมาณ 1 นิ้ว ด้วยมีด หรือคัตเตอร์


2. จากนั้นให้เคี้ยวที่ปลายเบาๆ จนกระทั่ง มิสวากมีลักษณะเหมือนขนแปรง


3. ใช้มิสวากแปรงที่ฟันในแนวขนาน


4. หลังจากแปรงเสร็จแล้วให้ล้างปลายมิสวาก


5. เก็บมิสวากไว้ในกล่องหรือถุง เพื่อป้องกันความสกปรก


6. ก่อนเข้านอนให้นำเอา มิสวาก ออกมาแช่ไว้ในแก้วน้ำ โดยนำ ส่วนที่ใช้แล้ว แช่น้ำเอาไว้ และทิ้งไว้ทั้งคืน


7. ตอนเช้า ตัดส่วนที่เป็นขนแปรงออกและเริ่มทำตั้งแต่ขั้นตอนที่ 1 อีกครั้ง ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่าเรามีขนแปรงที่สะอาดทุกวัน เพื่อเกิดผลดีและเกิดประสิทธิภาพที่ดีต่อสุขภาพฟัน


ข้อดีและประโยชน์ของมิสวาก


- ช่วยขจัดกลิ่นปาก


- เพิ่มพูนผลบุญในการละหมาด -- ท่านรอซูล (ศล) กล่าวว่า หากฉันไม่เกรงว่ามันจะสร้างความยากลำบากต่ออุมมะฮฺของฉัน ฉันจะสั่งใช้ให้พวกเขาใช้มิสวาก (แปรงฟัน) พร้อมกับการอาบน้ำละหมาดทุกๆ ครั้ง และทุกๆ การละหมาด (บุคอรียฺ) และอีกหะดีษ ท่านหญิงอาอิชะฮฺรายงานว่า แท้จริงแล้ว ท่านรอซูล (ศล) มักจะใช้มิสวากก่อนอาบน้ำละหมาด เมื่อใดก็ตามที่ท่านตื่นนอน ไม่ว่าจะเป็นระหว่างกลางคืน หรือกลางวัน (อบู ดาวูด)


- ชัยตอนรังเกียจผู้ที่ใช้มิสวาก (แปรงฟัน)


- จากการค้นคว้าทางทันตกรรมพบว่า มีข้อมูลน่าสนใจมากมายเกี่ยวกับ มิสวาก และจากการวิเคราะห์ทางเคมีได้ปรากฎว่า มิสวาก ประกอบด้วยสารธรรมชาติ 19 อย่าง ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปากและฟัน สารระงับเชื้อทางธรรมชาติของมิสวากมีปฏิกิริยาต่อแบคทีเรีย ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ภายในช่องปาก กรดแทนนิคประกอบด้วยคุณสมบัติของยาสมานแผลที่ช่วยป้องกันโรคเหงือก น้ำมันหอมของมิสวากจะช่วยในการเพิ่มการหลั่งของน้ำลายให้มากขึ้น ด้วยเพราะมิสวากมีสารระงับเชื้ออยู่ภายใน จึงไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดมิสวาก อีกทั้งขนแปรงของมิสวากนั้นอยู่ในแนวขนานกับด้ามจับ ดังนั้นจึงทำให้การทำความสะอาดฟันด้วยมิสวากนั้นเข้าถึงระหว่างฟันง่ายมากขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณที่มักจะยากต่อการทำความสะอาด


อื้ม มาชาอัลลอฮฺ เห็นมั้ยค่ะ อิสลามนั้นครอบคลุมไปทุกด้านเลยทีเดียว ศาสนาเดียวที่มีทั้งแบบแผน แบบอย่างเพียบพร้อม อัลฮัมดูลิลาฮฺ...ที่เราได้มาอยู่จุดนี้ ยังมีบ่าวของอัลลอฮฺอีกครึ่งค่อนโลกที่ไม่รู้จักกับผู้สร้างของตัวเอง และหาแบบอย่างของตัวเองยังไม่เจอ นั่นเป็นหน้าที่ของเราแล้วละค่ะ


อินชาอัลลอฮฺหลังจากอ่านบทความนี้จบ ไปหาไม้มิสวากถูฟันกัน ถูเสร็จสมองปรอดโปร่ง และคิดหาวิธีช่วยพวกเค้าเหล่านั้นกัน อินชาอัลลอฮฺ


อ้อ สำหรับคนที่ไม่สามารถหาไม้มิสวาก แต่หัวใจร้องขอว่าอยากจะใช้ไม้มิสวาก ทิ้งอีเมลไว้ได้ อินชาอัลลอฮฺ หากมีโอกาส ทางเราจะจัดส่งไปให้ อินชาอัลลอฮฺ


อัสลามมุอาลัยกูมวารอฮฺมาตุ้ลลอฮฺ


17 เมษายน, 2553

ระวังการละเลย

จงระวังอย่าให้ตัวเธอเป็นผู้ละเลย หลงลืมอัลลอฮฺ ทิ้งละหมาด ทอดทิ้งอัลกรุอานและไม่เสาะแสวงหาความรู้ เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นชนวนเหตุแห่งความสะเพร่า ซึ่งนำไปสู่หัวใจที่ตายด้าน หากใครเป็นเช่นนี้ เขาจะไม่สามารถแยกแยะดีชั่วและจะไม่มีความเข้าใจใดๆ ในศาสนาของอัลลอฮฺเลย เขาย่อมมีจิตใจที่หยาบกระด้าง สับสนและเต็มไปด้วยความทุกข์ นี่เป็นเพียงผลของความละเลยในโลกนี้เท่านั้น นับประสาอะไรเล่ากับโลกหน้า?

ดังนั้น เธอจงพึงระวังสาเหตุแห่งความละเลยทั้งหลายที่กล่าวข้างต้น จงเกรงกลัวอัลลอฮฺ อย่าให้ลิ้นของเธอขาดการรำลึกถึงอัลลอฮฺ หมั่นกล่าวตัสบิฮ ตะฮฺลีล ตักบีรและตะฮฺมีด วิงวอนขอการอภัยโทษจากอัลลอฮฺและซอลาวาตต่อท่านนบีมูฮัมมัด(ซล) อยู่เสมอ ทั้งขณะยืน นั่ง นอนตะแคง แล้วจิตใจของเธอจะเต็มไปด้วยความสุข เหล่านี้คือผลของการซิกิรฺหรือการรำลึกถึงอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงไพโรจน์

“พึงทราบเถิด ด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮฺเท่านั้นทำให้จิตใจสงบ” (กรุอาน13:28)


ขอคุณเนื้อหาที่ชวนสะกิดใจจากหนังสือ “เธอ” หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก

02 พฤศจิกายน, 2552

ไม่คุยแล้วรู้สึกเหงา

อัสลามมุอาลัยกูมวารอฮฺมาตุ้ลลอฮฺ..ทุกท่าน

สำหรับวันนี้เปิดอีเมลเจอหัวข้อนึง "คำถาม-ตอบ (ปลีกย่อยสะกิตต่อม)‏" อ่านแล้วก็มาชาอัลลอฮฺน่ะค่ะ สะกิดต่อมจริงๆ งั้นจะช้าไปใยมาอ่านกันเลยน่ะค่ะ....



คำถาม..ถ้าเรามีความรู้สึกดีๆ กับใครคนนึงอยู่ (ในที่นี้ก็คือประทับใจผู้ชายที่ทำงานเดียวกันแต่ ที่ทำงานอยู่คนละตึกกัน เค้าเป็นคนขยันมาก มีความคิดและอุดมการณ์ทำงานอิสลามเหมือนกัน แต่ก็รู้สึกผิดเพราะช่วงกลางคืนเราติดต่อกันด้วยการแชต อาจจะเป็นเพราะว่าลึกๆในใจ แล้วก็คิดถึงอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะคุยเรื่องไร้สาระ เราจะคุยแลกเปลี่ยนเรื่องงานมากกว่า อาจจะด้วยเป็นนักทำงานเหมือนกันจึงกลายเป็นว่าไม่คุยด้วย จะรู้สึกเหงา

คิดว่าไง ถ้าจะคุยและสานต่อแบบนี้ไปเรื่อยๆ มันจะบาปเยอะมั๊ย (รู้แหละ...ว่าบาป)แต่ ก็อยากรู้ความกระจ่างอีกนิดส์นึง แล้วขอบเขตการคุยกันควรจะอยู่ในรู้แบบใด ช่วยตอบด้วยน่ะ ยาซากัลลอฮฺ ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนความดีงามของท่านและครอบครัว ขอให้ท่านโชคดีทั้งโลกนี้และโลกหน้า




คำตอบ..เข้าใจและรับทราบว่า ความรู้สึกของคุณที่มีอยู่กับชายคนดังกล่าวนั้นเป็นอย่างไร หากจะพูดตรงๆก็แน่นอน มีความรู้สึกดีๆๆกับเค้าแล้วหล่ะ ไม่ใช่ความรู้สึกรักนะ แต่เป็นความรู้สึกปลื้มแบบไม่มีเหตุผล คือ เหตุผลที่ศาสนารองรับไว้(ในการพิจารณาชายหรือหญิงตามมาตรฐานอิสลามที่ได้กำหนดไว้แล้ว) เพราะความรักที่แท้จริง คือ ความรักภายหลังจากการแต่งงานเท่านั้น อัลลอฮ(ซ.บ)ทรงรับรองไว้แล้ว

ดั่งที่พระองค์ทรงตรัสไว้ ซึ่งมีใจความว่า "และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ ทรงสร้างคู่ครองให้แก่พวกเจ้าจากตัวของพวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะได้มีความสุขอยู่กับนาง และ ทรงมีความรักใคร่ และความเมตตาระหว่างพวกเจ้า แท้จริงในการนี้ แน่นอน ย่อมเป็นสัญญาณแก่หมู่ชนผู้ใคร่ครวญ"[30:21]

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ คือความรู้สึกเพียงนั้น ซึ่งแน่นอน ความรู้สึกที่เกิดขึ้นย่อมเป็นความรู้สึกที่ไม่มั่นคงถาวร หากมีอะไรที่ทำให้ความรู้สึกนั้น เปลี่ยนไป หรือมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ความรู้สึกนั้นหมดไป เช่น มีคนที่ดีกว่าเข้าหาเรา หรือมีอะไรบางอย่างที่เค้าทำแล้ว เรารับไม่ได้ แน่นอนความรู้สึกเหล่านี่ก็จะหมดไป...อินชาอัลลอฮ

ที่นี้ ในเรื่องของฮูก่มของหลักการศาสนาที่ชายและหญิงนั้น ต้องระมัดระวังในสิ่งข้างต้นนี้ ซึ่งอัลลอฮ(ซ.บ)ทรงตรัสไว้ ซึ่งมีใจความว่า"และพวกเจ้าอย่าเข้าใกล้การผิดประเวณี แท้จริงมันเป็นการลามกและทางอันชั่วช้า""[17:32]

อายะฮข้างต้นนี้ นักวิชาการตัฟซีรได้อธิบายไว้ว่า สื่อใดหรือการกระทำใดก็ตามที่ทำให้คนหนึ่งคนใด อาจจะนำไปสู่การกระทำความผิดในลำดับความผิดต่อไป สิ่งๆนั้น ย่อมมิอาจเข้าใกล้เป็นอันขาด ต้องหลีกเลี่ยงให้พ้น ซึ่งหากเข้าใกล้ย่อมเป็นผู้ที่ฝ่าฝืนแล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้ ย่อมนำมาซึ่งความผิดต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง

เนื่องจากว่า การคุยเอ็มกับเพศตรงข้ามหรือการคุยโทรศัพท์ก็ตาม โดยหาเป็นเหตุสำคัญแล้ว หรือเป็นเหตุจำเป็นหรือเป็นเรื่องงานก็ตาม แต่หากความจำเป็นหรือเรื่องงานนั้นๆๆ ทำให้การคุยนั้นทำให้เรานั้นมีความรู้สึกที่มากไปกว่าอารมณ์ความรู้สึกของความเป็นพี่น้องมุสลิมทั่วๆไป หรือรู้สึกไปในทางที่หนุ่มสาวเค้ารู้สึก กัน แบบมีใจให้แก่กัน หรือรู้สึกดีมากเป็นพิเศษ หรือเป็นการปลาบปลื้มมากเกินไป หรืออื่นๆๆทำนองนี้ ย่อมเป็นที่ฮารอมแล้วสำหรับเค้า

ซึ่งการคุยแชทกับเพศตรงข้าม โดยหาเหตุจำเป็นไม่ได้แล้วนั้น ไม่เพียงแต่จะทำให้เป็นบาปแล้ว ยิ่งเป็นมุสลีมะหฺแล้วล่ะก็ ยิ่งทำให้เกียรติของเรานั้นลดน้อยถอยลงไป ที่สำคัญ การมองข้ามความผิดข้างต้นนี้ย่อมนำมาซึ่งความรู้สึกอย่างใด อย่างหนึ่งขึ้นเรื่อยๆ เช่น ความรู้สึกที่อยากจะคุยกันนานๆ อยากฟังเสียง อยากเห็นหน้ากัน สุดท้ายก็นัดกันไปต่อไหน และนำมาซึ่งการผิดประเวณีในที่สุด ดั่งที่สังคมมมุสลิมเราเป็นอยู่ทุกวันนี้

เราอาจจะคิดว่า เราควบคุมได้น๊า ไม่เป็นอะไรหรอก เล็กน้อยเอง ไม่มีอะไรมากกว่านั้นหรอก ตรงนี้แหละคือสิ่งที่เรานั้น มักจะมองข้ามไป กับการที่เราแค่ คุยกันเรื่องงาน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน แต่ต่อไปซิ ก็ต้องมีเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยว ต่อมาก็นำมาซึ่งเรื่องอื่นๆ หรือการให้เบอร์กัน การอยากเห็นหน้ากัน เจอกัน ประมาณนี้

ซึ่งอย่าลืมว่า สิ่งข้างต้นนี้ คือกระบวนการของซัยฎอนที่วางไว้เรียบร้อยแล้วให้เรานั้น คิดไปอย่างนั้นเอง มองข้ามไป ซึ่งหากเรายังตามสิ่งที่อารมณ์นัฟซูของเราคิด และต้องการพูดคุยต่อไป แน่นอน เราเองก็ต้องหลงกลมันและนำมาซึ่งความผิดหลายๆอย่างๆๆ เป็นแน่ อินชาอัลลอฮ

ฉะนั้นแล้ว สิ่งสำคัญที่คุณ ควรพิจารณาและตระหนักนั้นก็คือ การกระทำความผิดที่เกิดขึ่น คือหนทางในการกระทำความผิดที่มากกว่าที่เป็นอยู่ และการกระทำความผิดของคนใดคนหนึ่ง แม้เป็นเพียงทีละเล็กทีละน้อย มันก็อาจจะถึงขั้นเป็นความผิดที่เป็นบาปใหญ่ และนำมาสู่การเป็นผู้ที่ห่างไกลจากสวนสวรรค์ได้นะ

อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย และไม่อยากให้คิดว่า เล็กน้อยน๊า ไม่เป็นไรหรอกน๊า แต่อยากให้คิดว่า นั่นคือสิ่งที่จะต้องถุกนำ ไปสอบสวน ที่สำคัญ เราไม่รู้ใช่ไหม ว่าวันนี้เราจะได้อยู่ถึงเย็นไหม เราไม่รู้ใช่ไหมว่าอามาลของเราเพียงพอแล้วหรือยังกับการกลับไปสู่พระองค์อัล ลอฮ แล้วอย่างนี้ เราละไว้ซึ่งการพิจารณาถึงการกระทำอะไรบางอย่างอีกหรือ เราจะมองข้ามความผิดเล็กความผิดน้อยอีกหรือ

ผ่านไปให้ได้เถิดนะ กับบททดสอบอันเล็กน้อยนี้ หรือเราต้องเรียนรู้โทษที่จะได้รับในหลุมฝังศพก่อนใช่ไหม ถึงเราจะเกรงกลัวและละทิ้งสิ่งที่ เป็นความผิดนี้ หรือเราต้องรู้ก่อนแล้วจะเลิก หรือเราต้องถลำสู่ความผิดอันที่จะเป็นความผิดที่บาปใหญ่ก่อนหรือ แล้วเราจะเลิกคุย และเลิกสนทนากับเพศตรงข้ามกัน

พิจารณานิดนึงนะ อดทนกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อเกียรติของตัวเอง คุณค่าของตัวเองและเพื่อการกลับไปสู่พระองค์อย่างผู้ศรัทธา
อย่าตาย จนกว่าจะเป็นมุสลิมผู้ศรัทธานะ

เหงามากใช่ไหม ที่ไม่ได้คุยกัน เบื่อมากใช่ไหมเพื่อไม่ได้คุยกัน งั้นก็หาอะไรที่เป็นศาสนามาอ่านซิ มาฟังซิ อย่าเบื่อกับการอ่าน อย่าเบื่อกับฟังสิ่งที่ศาสนาสั่งห้าม สั่งใช้เลย

พิจาณานะ.....วันนี้เพราะอะไรหรือ เราถึงเบื่อเหงาง่าย เพราะอะไรหรือเราถึงมีความรู้สึกแบบนี้ หรือเพราะเรามัวแต่ให้นิยาย ละคร เพลงเหล่านั้น มันทำให้เรานั้นเคลิ้มตามแล้วซึบซับด้วยบทความรู้สึกต่างๆ มันถึงทำให้เราเป็นอย่างนั้นได้หรือเปล่า...เป็นอย่างนี้กันไหม

มันไม่คุ้มกันหรอกนะ หากเราจะเป็นฝ่ายที่ให้ความรู้สึก ให้ความรัก ความคิดถึง กับคนที่ไม่ใช่มะหรอม ของเรา กับคนที่ยังไม่ใช่ที่สุด ตามที่อัลลอฮและรอซุลสั่งใช้ให้แต่งงาน นิกะห์และนำพาเราไปสู่สวนสวรรค์ เราอาจจะคิดว่า เค้าคือคนที่เรารูสึกดีให้ แต่เค้าหล่ะ รู้สึกอย่างนั้นกับเราไหม เค้ามองเห็นถึงความมีเกียรติของเรา อันที่จะไม่ทำให้เรานั้น อีหม่านอ่อน ไม่ทำให้เรานั้นลดเกียรติลง และจะไม่แทะโลมเราไหม ลองคิดดูนะ

เค้าคือคนที่ใช่ คือคนที่มีความรู้ และมีความตักวาอยู่ไหม หากใช่ ก็บอกวะลีย์แล้วเสนอตัวซิ ยินดีและดีใจด้วย แต่หากเค้ายังไม่ใช่จริง ไม่ดีจริง ก็จงถอยห่างกันเถิดนะ ก่อนที่จะอะไร มันจะเกิดขึ้นที่ไม่ดีมากกว่านี้ เสียเวลาและเสียอีหม่านไปเปล่าๆๆนะรู้ไหม

รู้นะว่าทำนะยาก แต่ให้รู้ไว้เถิดนะว่า ใครที่ยำเกรงต่ออัลลอฮ อัลลอฮทรงให้ทางออก อัลลอฮทดสอบเพียงน้อยนิด เราจะหวั่นและไปผ่านแล้วหรือ แล้วเราจะคว้าสวรรค์ของอัลลอฮได้อย่างไรกัน ขอดุอาร์เยอะๆๆซิ ให้ผ่านไปพ้นไปให้ได้

ฝากไว้พิจารณา คนที่คิดว่าใช่สำหรับคุณด้วยนะ อย่าเอาอารมณ์มาพิจาณาว่า เค้าคือคนที่ใช่แล้ว แต่จงนำอิสลามมาวัดกันนะ แล้วคุณจะไม่เสียใจภายหลัง

ลองพิจารณากันเถิดนะ...

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า" 4 ประการ ที่ผู้หญิงจะถูกเลือกให้แต่งงาน คือ ทรัพย์สินของนาง วงศ์ตระกูลของนาง ความสวยของนาง และศาสนาของนาง จงเลือกแต่งงานกับหญิงที่มีศาสนา ท่านจะเป็นผู้โชคดี หรืออีกสำนวนหนึ่ง ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม กล่าวว่า ท่านจะไม่คลุกฝุ่น(บันทึกโดยบุคอรี) หะดิษข้างต้นนี้ หมายรวมถึงการที่หญิงพิจารณาเลือกชายด้วย..

ค่ะ..อืม..ก็อัลฮัมดูลิลลาฮฺน่ะค่ะ สะกิดต่อมไปเต็มๆเลย อย่างที่อ่านมาข้างต้นล่ะค่ะ ซินาเป็นเรื่องภัยใกล้ตัว พยายามหลีกเลี่ยงเป็นดีที่สุด มันอาจจะพูดง่ายน่ะค่ะ แต่มันก็คงจะทำไม่ยากหรอกหากเรามีความตั้งใจ ดุอาห์เยอาะๆ เซฟหัวใจ บล๊อกฟิตนะห์.. เกิดเป็นมุสลีมีนทั้งที ฮึด ฮึด ทำได้แน่นอนค่ะ....วัสลามมุอาลัยกูมวารอฮฺมาตุ้ลลอฮฺ

26 ตุลาคม, 2552

ทหารดมปิ่นโต

อัสลามมุอาลัยกูมวารอฮฺมาตุ้ลลอฮฺ..ท่านผู้ติดตาม(ทุกการเคลื่อนไหว)ทุกท่าน

นานแรมปีที่เว็ปนี้ไม่มีการเคลื่อนไหวใดใด ซึ่งส่งผลให้ผู้ติดตามอย่างท่าน(ที่กำลังอ่านตอนนี้)เกิดอาการปวดใจไม่น้อย
สำหรับดิฉันก็ขอมาอัฟและจะบอกว่า...ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ สำหรับความผิดครั้งนี้...........จบรายงานข่าว.
อื้ม..ไหนๆ ก็มาแล้ว ทำงานเลยดีกว่าน่ะค่ะ สำหรับวันนี้มีบทความจากอีเมลของท่านอุคตีท่านนึงที่ส่งมา มาชาอัลลอฮฺ....เรื่องราวของท่านนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ทั้งสำหรับดิฉันเอง แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้เกิดกับดิฉันโดยตรง แต่จากเรื่องที่ได้อ่านมา ก็ทำให้ดิฉันรู้สึกตื้นตันใจไม่น้อย ด้วยความเหมือนในอะไรหลายๆ อย่าง....อืม เริ่มจะออกทะเลแล้ว เอาเป็นว่าไปอ่านเรื่องราวของอุคตีท่านนี้กันเลยน่ะค่ะ....มาชาอัลลอฮฺ

ทหารดมปิ่นโต

อยู่สามจังหวัด...ด้วยสภาพการแต่งกายเช่นนี้แล ทำให้คนรอบข้างระแวง หลายครั้งหลายคราที่โดนจับตามอง...หลายครั้งหลายคราโดนด่าจนหน้าชา หลายครั้งหลายคราถูกดูถูกจนเศร้าใจ
ครั้งที่ถูกทดสอบ ชายคนหนึ่งถามว่า... “น้อง...ทำไมต้องปิดหน้า”....คำถามที่ไม่ต่างจากคำด่า ฉันยิ้มตอบ...เขาจึงพูดกลับมา “วันหลังก็ขออธิษฐานให้ชาติหน้าเกิดมาไม่มีหน้า มีแต่ตา จะได้ไม่ต้องปิดหน้า”...ทำเอาหน้าชาจนขากระดิกไม่ได้ (ชายนิรนามอายุราวๆพ่อ ทำเอาฉันเจ็บปวดมาเนิ่นนาน)


ครั้งที่ถูกทดสอบ อาจารย์คุมสอบถาม... “นักศึกษา...อาจารย์ไม่รู้ว่าเธอคือใคร อาจารย์ต้องการเห็นหน้า” ฉันเอออ่อ ตอบกลับไปว่า “ให้อาจารย์ผู้หญิงมาดูได้มั้ยค่ะ...” แกไม่วายจะหยุดแค่นั้น “ทำไมหล่ะ...อาจารย์เป็นอาจารย์เธอน่ะ(แต่อาจารย์ไม่ได้สอนวิชานี้ซะหน่อย...ฉันตอบในใจ) อาจารย์ไม่ได้คิดไม่ดีกับเธอ ไม่ได้จะลวนลามเธอ.....(ยาวเป็นชุด ซึ่งฟังแล้วไม่มีอารมณ์ทำข้อสอบเลย)” ดีน่ะ...ที่ฉันใจเย็นขึ้นเยอะ ปล่อยให้แกพูดอยู่คนเดียวเลย ขณะที่ฉันกำลังจะเปิดหน้าให้แกดู ใจหวิวๆทำอะไรไม่ถูก(เพื่อนโต๊ะข้างๆ คงลุ้นไปกับฉันด้วย) อาจารย์ก็พูดใส่ฉันว่า “หากลำบาก...ก็ไม่ต้องก็ได้” ฉันยิ้ม..แต่แอบน้ำตาซึม (อาจารย์ผู้ชาย...ดูเงียบๆ แต่ว่าฉันซะแรงเลย)

ครั้งที่ถูกทดสอบ เจ้าของร้านหนังสือ... “น้องค่ะ ทางร้านมีนโยบายให้เปิดหน้าตอนเข้าร้าน เพราะพี่ถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติพี่........พี่ก็ศึกษาเรื่องปิดหน้าน่ะ ที่นี่ประเทศไทย...ไม่จำเป็น......ยาววววว เป็นชุด.......และอีกอย่างพี่ไม่รู้ว่าน้องเป็นคนดีหรือไม่ เจตนาน้องอย่างไร(ประมาณว่ากลัว!!!)” ทำเอาฉันเกือบหงายหลัง ไม่มีช่องโหว่ให้ฉันได้พูดเลย เมื่อเธอพูดเสร็จ...ฉันถามกลับไปว่า “มีผู้ชายอยู่มั้ยค่ะ หากไม่มี...หนูจะได้เปิดหน้า...(และฉันก็อธิบายอย่างคร่าวๆ)หนูเข้าใจค่ะ ด้วยเหตุการณ์สามจังหวัด..(ฉันก็ร่ายยาวใส่เธอ แต่คงสู้เธอไม่ได้)” ขณะที่คุยกันอยู่...เสียงมอไซต์จอดหน้าร้าน โดยที่ฉันหันหลังให้ เธอบอกกับฉันว่า... “น้อง...สามีพี่มา” ฉันจึงยิ้มตอบเธอ...และปิดหน้าตามเดิม ร้องไห้ใหญ่บนรถมอไซต์...ปลายทางสู่บางปู (ผู้หญิงอายุราวแม่...แสนจะคุยรู้เรื่อง)

ครั้งที่ถูกทดสอบ ทหาร(ทะฮัง...ชอบใจเวลาเรียกสำเนียงมลายู)หน้าตรอกช้าง เช้าตรู่ของวันนี้แหระ...มือสองข้างถือของพะรุงพะรัง และมีปิ่นโตมื้อเช้าจากบ้านติดมาด้วย ทหารสองคนเดินเรียกฉัน... “ขอดูของในกระเป๋าหน่อย...” ฉันรีบโวย “ในกระเป๋ามีแต่เสื้อผ้า.....” ยังไม่หยุดแค่นั้น เขามองดูตรงปิ่นโตสีชมพูของฉัน และหยิบปิ่นโตไป ฉันโวยอีกรอบ “...มีข้าวอยู่ในนั้น....” ทหารคนนั้นก้มลงดมปิ่นโต โหหหห...แรง!!! ใครจะใส่ระเบิดในปิ่นโตเนี่ย!!! โมโหๆๆๆๆ หยิบปิ่นโตคืน ไม่ยิ้มตอบ ไม่อะไรแล้ว...ทหารขี้แมว(ฉันแอบด่าอยู่ในใจ) ไม่รู้สึกอะไรนอกจาก...เซ็ง!!!(ทหาร3คน เฝ้าตรงตรอกช้าง... ตรวจด้วยการดมปิ่นโต)

ครั้งที่ถูกทดสอบ มามากมายหลากหลาย...สอนให้ฉันอดทนขึ้นเยอะ...(ถึงแม้จะหงุดหงิดเอามากกับทหารดมปิ่นโตคนนั้น)...

อยู่สามจังหวัด...ด้วยสภาพการแต่งกายเช่นนี้แล ทำให้คนรอบข้างรักและห่วงใย(เรา) หลายครั้งหลายคราทำให้ตื้นตันใจ...หลายครั้งหลายครายังคงตื้นตันใจ...จริงๆ


อื้ม ด้วยความตื้นตัน และจงยึดประโยคนึงที่ว่า "จงอย่ากลัวที่จะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับมนุษย์ หากจะทำให้เราใกล้ชิดกับผู้สร้าง"....วัสลามมุอาลัยกูมวารอฮฺมาตุ้ลลอฮฺ

18 มิถุนายน, 2552

คุยมือถือ10 นาทีมีโอกาสสมองผิดปกติ

อ้สลามมูอาลัยกูมวารอฮฺมาตุ้ลลอฮฺ...ท่านผู้ที่ใช้มือถือเป็นชีวิตจิตใจ


ยุคนี้จะหันไปทางไหนก็จะเห็แต่ผู้คนแบกโทรศัพท์มือถือไปมา คิดๆ ไป มือถือก็อาจจะกลายเป็นปัจจัยที่ห้าสำหรับมนุษย์บางคนไปแล้วด้วยซ้ำ
เคยนับดูบ้างมั้ยค่ะว่า ทุกๆ วันเราคุยโทรศัพท์กี่ครั้ง กี่ชั่วโมง และกับกี่คน และท่านเคยรู้บ้างมั้ยว่าทุกครั้งที่ท่านหยิบมือถือขึ้นมาแนบหู สมองของท่านจะถูกทำลายไปมากแค่ไหนแล้ว นั่นแน..ท่านคงไม่เชื่อละซิว่า มันจะเลวร้ายขนาดไหน งั้นดิฉันใคร่ขอนำเสนอบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยน่ะค่ะ

"นักวิทยาศาสตร์อิสราเอลชี้ การคุยโทรศัพท์มือถือต่อเนื่องนานเพียง 10 นาทีก็เพียงพอต่อการก่อตัวของเซลล์เนื้องอกในสมอง ย้ำว่าคลื่นความถื่ในโทรศัพท์มือถือล้วนมีผลรบกวนกระบวนการแบ่งเซลล์สมองไม่ว่าจะเป็นคลื่นความถี่สูงหรือต่ำ

โดยกระบวนการแบ่งเซลล์สมองที่ผิดปกตินี้เองที่จะนำไปสู่การเกิดก้อนเนื้อร้ายในอนาคต ผลการศึกษาชิ้นนี้เป็นของกลุ่มนักวิจัยในสถาบันวิทยาศาสตร์ไวส์แมนน์ (Weizmann Institute of Science) ของอิสราเอล โดยแม้ทีมวิจัยจะไม่ได้แถลงว่าคลื่นสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่มีอันตรายอย่างชัดเจน แต่การศึกษาพบว่ามีโอกาสเป็นไปได้

สวนทางกับผลวิจัยของหลายสถาบันที่ยืนยันว่าการใช้งานโทรศัพท์มือถือไม่มีผลเกี่ยวข้องกับสาเหตุการเกิดก้อนเนื้องอกหรือมะเร็งในสมองแต่อย่างใด สถาบันเหล่านี้ระบุว่าโทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีความเสี่ยง เนื่องจากปริมาณคลื่นความถี่ที่โทรศัพท์มือถือส่งออกมานั้นอยู่ในระดับต่ำมาก ซึ่งไม่เข้มข้นพอจะทำให้เกิดการผิดปกติในสมอง

แต่การศึกษาของทีมนักวิทยาศาสตร์ชาวอิสราเอลพบว่าคลื่นความถี่เพียงน้อยนิดก็สามารถเกิดความเสี่ยงได้ โดยทำการทดลองนำเซลล์สมองของมนุษย์และหนูมาวิจัยร่วมกับคลื่นรังสีระดับ 875 เมกะเฮิร์ตซ์ ซึ่งเป็นความถี่ย่านเดียวกับที่ใช้ในโทรศัพท์มือถือหลายๆรุ่น

จากการทดลองใช้คลื่นความถี่ระดับอ่อนกว่าคลื่นความถี่ในโทรศัพท์มือถือรุ่นทั่วไป คลื่นเหล่านี้เริ่มมีปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นสัญญาณเคมีในเซลล์สมองโดยใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น ทีมวิจัยระบุว่าสัญญาณเคมีที่ตรวจจับได้ส่งผลโดยตรงต่อการแบ่งตัวของเซลล์สมอง "

เป็นงัยค่ะ คิดยังงัยบ้างจากบทความข้างต้น สำหรับดิฉันแล้ว มันทำให้ดิฉันเกิดความรู้สึกอยากจะกลับไปหยอดจดหมายลงในตู้ไปรษณีย์ใหม่แล้วละค่ะ แต่นั่นก็เป็นความคิดชั่ววูป คิดไปคิดมาโทรศัพย์ก็ยังจำเป็นกับเราอยู่ดี ด้วยเหตุผลที่ว่าสะดวกและรวดเร็ว
แต่ทางที่ดี การเลี่ยงในการคุยเรื่องไร้สาระผ่านมือถือ ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ท่านห่างจากผลกระทบได้ดีเลยที่เดียวเชียว โดยเฉพาะประเภทพวกที่ว่าใช่บุฟเฟ่ต์ คุยกันทั้งวันทั้งคืนเนี๊ย อันตรายน่ะค่ะ ท่านอาจจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงผู้ที่มีสมองผิดปกติก็เป็นได้น่ะค่ะ!!

วัสลามมูอาลัยกูมวารอฮฺมาตุ้ลลอฮฺ